วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หอไอเฟล Eiffel Tower







                                          หอไอเฟล Eiffel Tower



หอไอเฟล (ฝรั่งเศส: Tour Eiffel, ตูร์แอฟแฟล; อังกฤษ: Eiffel Tower) หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย
หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) หรือสูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ หอไอเฟลเป็นสิ่งปลูกสร้างสูงที่สุดในกรุงปารีสและหากไม่นับรวมเสากระจายคลื่น หอไอเฟลเป็นสิ่งปลูกสร้างสูงที่สุดอันดับสองในฝรั่งเศส รองจากสะพานมีโย

       หอไอเฟลมีความสูง 300 เมตร (986 ฟุต) ซึ่งไม่รวม เสาอากาศ 24 เมตร (72 ฟุต) ด้านบนนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับตึกแล้วจะมีประมาณ 75 ชั้น ในขณะที่ก่อสร้างปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดบนโลก โดยถูกล้มตำแหน่งเมื่อเมืองนิวยอร์กได้สร้าง ตึกไครส์เลอร์ สูง 319 เมตร (1047 ฟุต)
ภาพการสร้างหอไอเฟลในขั้นต่างๆ
น้ำหนักเหล็กที่ใช้ก่อสร้างนั้นทั้งหมด 7,300 ตัน และถ้ารวมทั้งหมดก็เป็น 10,000 ตัน ส่วนจำนวนบันไดนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด เมื่อแรกเริ่มนั้นมี 1710 ขั้น ในทศวรรษที่ 1980 มี 1920 ขั้น และในปัจจุบัน มี 1665 ขั้น

        ในวันที่อากาศดีอาจขึ้นไปชมวิวได้ถึงชั้นสูงสุดที่ 899 ฟุต ยามค่ำคืน หอไอเฟลจะเปิดไฟสวยงามมาก และมุมที่ดีที่สุดที่จะถ่ายภาพหอไอเฟล คือ บริเวณ Trocadero มีทั้งร้านขายของที่ระลึก และภัตตาคาร เปิดทุกวันเวลา 9.30-23.00 น. ค่าขึ้นลิฟต์ชม ชั้นแรก 20 ฟรังค์ ชั้นแรกและชั้นสอง 42 ฟรังค์ ชั้นแรก/ชั้นสอง/ชั้นสาม 59 ฟรังค์ 
หอไอเฟลตอนเช้า

หอไอเฟลตอนกลางคืน


ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/หอไอเฟล

บทความเรื่อง โยคะ




โยคะ


โยคะลดน้ำหนัก

ปัจจุบันนี้ หลายคนมักประสบกับปัญหาด้านสุขภาพหลายๆอย่าง เนื่องจากขาดการออกกำลังกาย วันๆ ทำแต่งาน ท่าเดียว จึงทำให้ไม่มีเวลาได้ดูแลสุขภาพของตนเลย ด้วยเวลาที่รัดตัว ด้วยความเร่งรีบหลายๆอย่าง ไม่มีแม้กระทั้งเวลาจะพักผ่อน  วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับดีๆมาฝากคนที่รักสุขภาพ นั่นคือโยคะนั่นเอง เพราะโยคะ ไม่เพียงที่จะช่วยเรื่องความงามแต่ยังเสริมเรื่องของสุขภาพเอาไว้ด้วย การฝึกโยคะเป็นการฝึกท่าโยคะที่แลดูสวยงามและสง่าและจะค้างท่านั้นไว้ระยะหนึ่ง  โยคะจะเน้นความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกระดูกสันหลังทำให้เลือดและสารอาหารสามารถผ่านไปเลี้ยงประสาทไขสันหลัง โยคะจะช่วยให้การทำงานของต่อมต่างๆ รวมทั้งต่อมไร้ท่อทำงานดีขึ้น  การฝึกโยคะเป็นการยืดกล้ามเนื้อและมีการสอดคล้องกับการหายใจเป็นการรวมร่างกายและจิตใจเข้าไปด้วยกัน การฝึกท่าโยคะจะเป็นการฝึกความยืดหยุ่น ประสาท  ความแข็งแรง การทรงตัวเข้าด้วยกัน และยังช่วยให้ลดความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อในร่างกายอีกด้วย อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงกล้ามเนื้อแข็งแรง สุขภาพจิตและสุขภาพกายดีขึ้น และยังช่วยกระชับส่วนต่างๆของร่างกายให้ดูดีอีกด้วยได้อีกด้วย ท่าที่ใช้สำหรับการฝึกโยคะมีมากมาหลายท่า และที่สำคัญวันนี้เราก็มีความเป็นมาของโยคะมาฝากกันอีกด้วย




ความเป็นมาของโยคะที่นำมาฝาก

โยคะลดน้ําหนัก หลายๆคนที่เล่นโยคะอยู่ตอนนี้คงจะยังไม่ทราบว่าโยคะนั้น ใครเป็นคนเริ่ม และถือกำเนิดมาจากไหน และนี่แหละจ้า คือความเป็นมาของโยคะ โยคะ นั้นถือกำเนิดในประเทศอินเดียเมื่อหลายพันปีที่แล้ว โดยในสมัยโบราณนั้นมนุษย์ได้ค้นคว้าเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับความเข้าใจในความเป็นอยู่ของตนเอง อดีตมีการจารึกถ้อยคำด้วยตัวอักษรความรู้ที่สำคัญๆทั้งหมดถูกส่งผ่านคนรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งในรูปแบบของนิทาน ด้วยวิธีการเช่นนี้ ความรู้ต่างๆจึงได้สะสมขึ้นและวัฒนธรรมต่างๆได้พัฒนาขึ้นมาและนี่คือวิธีการที่การฝึกโยคะได้ถ่ายทอดมาถึงปัจจุบัน  ในหุบเขาแห่ง อินดัส วอลเลย์ มีนักโบราณคดีที่ค้นพบไม้แกะสลักและศิลปะรูปปั้นที่แสดงถึงการฝึกท่าโยคะแต่ก่อน ศิลปะเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยประชาคมที่มีความเจริญเป็นอย่างสูง ซึ่งเจริญอยู่ในพื้นที่แถบนั้นในช่วง 1000ถึง2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช และปัจจุบันเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศปากีสถาน นักปราชญ์ผู้หนึ่งซึ่งชาวฮินดูมีชื่อว่า พาตานจาลี เป็นคนแรกที่ปรับปรุงการฝึกโยคะขั้นพื้นฐานขึ้น เขาเขียนสูตรของการฝึกท่าโยคะออกเป็นหัวข้อ 8 หัวข้อสั้นๆ หัวข้อเหล่านี้เชื่อว่าได้ถูกเขียนขึ้นเมื่อ 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยผู้ที่ปฏิบัติโยคะที่เป็นผู้ชายเรียกว่า Yogins or Yogis ส่วนผู้หญิงเรียกว่า Yoginis ส่วนผู้สอนเรียกว่า guru และประเทศตะวันตกได้นำท่าโยคะต่างๆออกมาเป็นการออกกำลังกายโดยดัดแปลงจาก Hatha-Yoga ซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของโยคะนั่นเอง



และหากคุณมีแผนการลดน้ำหนักที่อยากให้เห็นผลอย่างเร่งด่วน ควรเลือกฝึกท่าโยคะที่ได้ออกแรงมากเป็นพิเศษ รวมถึงเน้นท่าที่ได้บริหารส่วนไขมันพอกพูนให้ได้ลดได้มากที่สุด   และจะต้อง ปรับอาหารให้ทานน้อนลงไปด้วย จากกินข้าวมื้อละสี่จานลดเหลือหนึ่งจาน เน้นกินกับข้าวมากกว่าข้าว งดมื้อดึกอย่างเด็ดขาด แล้วดื่มน้ำแทนมากๆ บางมื้อกินแต่ผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีน้ำมาก เพื่อช่วยคลายอาการเหนื่อยร้อนจากการฝึกโยคะไปในตัวด้วย เช่น แตงโม ชมพู่ ฝรั่ง เพราะผลไม้จำพวกนี้สามารถช่วยลดน้ำหนักได้เช่นเดียวกัน

            ถ้าหากคุณอยากลดน้ำหนักแล้วละก็วิธีนี้รับรองว่าได้ผลแน่นอน  แต่ไม่ว่าคุณจะด้วยวิธีไหนเพียงแค่คุณออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่ว่าจะออกกำลังกายด้วยวิธีไหนก็ตามก็ทำให้คุณสุขภาพดีได้เหมือนกัน ไม่แค่นั้นคุณจะต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอแค่นี้คุณก็จะมีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดีแล้ว




วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แบบฝึกหัด

บทที่ 7 ความปลอดภัยของสารสนเทศ        กลุ่มที่  2
รายวิชา   การจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน   รหัสวิชา 0026 008
ชื่อ –สกุล  นายณัฐนนท์   จันทร์ตา     รหัส  

คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้
1.   หน้าที่ของไฟร์วอลล์ (Firewall) คือ  
  ตอบ  รูปแบบของโปรแกรมหรืออุปกรณ์ที่ถูกจัดตั้งอยู่บนเครือข่ายเพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่ายภายใน (Internet) โดยป้องกันผู้บุกรุก (Intrusion) ที่มาจากเครือข่ายภายนอก (Internet) หรือเป็นการกำหนดนโยบายการควบคุมการเข้าถึงระหว่างเครือข่ายสองเครือข่าย โดยสามารถกระทำได้โดยวิธีแตกต่างกันไป แล้วแต่ระบบ
     2.จงอธิบายคำศัพท์ต่อไปนี้ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสคอมพิวเตอร์ worm , virus computer, spy ware, adware มาอย่างน้อย 1 โปรแกรม
ตอบ   1. Worm  = คัดลอกตัวเองและสามารถส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้อย่างอิสระ โดยอาศัยอีเมลล์หรือช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการ มักจะไม่แพร่เชื่อไปติดไฟล์อื่น สิ่งที่มันทำคือมักจะสร้างความเสียหายให้กับระบบเครือข่าย
          2.virus computer  = แพร่เชื้อไปติดไฟล์อื่นๆในคอมพิวเตอร์โดยการแนบตัวมันเองเข้าไป มันไม่สามารถส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้ต้องอาศัยไฟล์พาหะ สิ่งที่มันทำคือสร้างความเสียหายให้กับไฟล์
                 3. spy ware = ไม่แพร่เชื้อไปติดไฟล์อื่นๆ ไม่สามารถส่งตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้ ต้องอาศัยการหลอกคนใช้ให้ดาวโหลดเอาไปใส่เครื่องเองห รืออาศัยช่องโหว่ของ web browser ในการติดตั้งตัวเองลงในเครื่องเหยื่อ สิ่งที่มันทำคือรบกวนและละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ ใช้
                4. adware = "โปรแกรมสนับสนุนโฆษณา" โดยทางบริษัทต่าง ๆ จะพยายามโฆษณาสินค้าของตนเอง เพื่อที่จะได้ขายสินค้านั้น ๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราลองไปดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีตามเว็ปต่าง ๆ เราก็จะเห็นโฆษณาสินค้าปรากฏขึ้นมาบ่อย ๆ ถ้าเราอยากให้โฆษณานั้นหายไป ก็ต้องจ่ายตังค์ค่าลิขสิทธิ์ เพื่อไม่ให้มีโฆษณาขึ้นมากวนใจอีกต่อไป
 3. ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง
      ตอบ   3 ชนิด  คือ 1. ไวรัสตามวิธีการติดต่อ    2. ไวรัสตามลักษณะการทำงาน     3.ไวรัสตามลักษณะแฟ้มที่ติดไวรัส  
4. ให้นิสิตอธิบายแนวทางในการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย 5 ข้อ
   1ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและอัปเดตข้อมูลไวรัสอยู่เสมอ
    2.ติดตั้งโปรแกรมอุดช่องโหว่(patch) โดยการอัปเดตซอฟต์แวร์และโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ ให้ใหม่อยู่เสมอ
   3ปรับแต่งให้ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานปลอดภัยสูงที่สุด
   4.ระวังภัยจากการเปิดไฟล์จากสื่อบันทึกข้อมูล(Media) ต่าง ๆ
   5.ใช้ความระมัดระวังในการเปิดอ่าน E-mail
5. มาตรการด้านจริยธรรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน ได้แก่
   “ผู้ใดประสงค์แจกจ่ายแสดง อวดทําผลิตแก่ประชาชนหรือทําให้เผยแพร่ซึงเอกสาร ภาพระบายสีสิงพิมพ์ แถบบันทึกเสียง บันทึกภาพหรือเกียวเนืองกับสิงพิมพ์ดังกล่าว มีโทษจําคุก ปรับหรือทังจําทังปรับ

        ตัวอย่างซอฟต์แวร์ ได้แก่ House Keeper เป็นโปรแกรมสําหรับแก้ปัญหาภาพลามกอนาจารเนื้อหาสาระทีไม่เหมาะสม การใช้เว็บไม่เหมาะไม่ควร ฯลฯ” โดยนําไปติดตังกับเครืองคอมพิวเตอร์ทีบ้าน
แบบฝึกหัด
บทที่ 6 การประยุกต์ใช้สารสนเทศในชีวิตประจำวัน               กลุ่ม  2
รายวิชา   การจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน       รหัสวิชา 0026 008
ชื่อ นายณัฐนนท์  จันทร์ตา        รหัส  57011010263

คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว
1. การประยุกต์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นความหมายของข้อใด?
    1. เทคโนโลยีสารสนเทศ
    2. เทศโนโลยี
    3. สารสนเทศ
    4. พัฒนาการ
2. เทคโนโลยีสารสนเทศใดก่อให้เกิดผลด้านการเสริมสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม?
   1. ควบคุมเครื่องปรับอากาศ
   2. ระบบการเรียนการสอนทางไกล
   3. การสร้างสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
   4. การพยากรณ์อากาศ
3. การฝากถอนเงินผ่านเอทีเอ็ม (ATM) เป็นลักษณะเด่นของเทคโนโลยีสารสนเทศข้อใด?
   1. ระบบอัตโนมัติ
   2. เปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย
   3. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินการในหน่วยงานต่างๆ
   4. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
4. ข้อใดคือการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ?
   1. ระบบการโอนถ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
   2. บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต
   3. การติดต่อข้อมูลทางเครือข่าย
   4. ถูกทุกข้อ
 5. เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึงข้อใด?
   1. การประยุกต์เอาความรู้มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์
   2. ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี
   3. การนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาสร้างข้อมูลเพิ่มให้กับสารสนเทศ
   4. การนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดเก็บข้อมูล
6. เครื่องมือที่สำคัญในการในการจัดการสารสนเทศในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?
    1. เทคโนโลยีการสื่อสาร
    2. สารสนเทศ
    3. คอมพิวเตอร์
    4. ถูกทุกข้อ
7. ข้อใดไม่ใช่บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ?
   1. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
   2. เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน หรือสอบถามผลสอบได้
   3. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้บุคคลทุกระดับติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว
   4. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้มีการสร้างที่พักอาศัยที่มีคุณภาพ
8. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ที่ช่วยงานด้านสารสนเทศ?
   1. เครื่องถ่ายเอกสาร
   2. เครื่องโทรสาร
   3. เครื่องมินิคอมพิวเตอร์
   4. โทรทัศน์ วิทยุ
9. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ?
   1. เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานธุรกิจ
   2. พัฒนาอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล และการสื่อสาร
   3. ไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
   4. จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น
 10. ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้จากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการเรียน?
     1. ตรวจสอบผลการลงทะเบียน ผลการสอบได้
     2. สามารถสืบค้นข้อมูลได้จากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ทั่วโลกได้
     3. ติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ครู อาจารย์ หรือส่งงานได้ทุกที่

     4. ถูกทุกข้อ